วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ปลาทองที่ jj ตัวละ 10 - 50 กว่าบาท นี่ เป็นพันธุ์อะไรครับ

ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องปลาทองเท่าไหร่ครับ แต่กำลังจะเริ่ม

หัดเลี้ยงปลาทองดูบ้าง และอยากทราบว่า ปลาทองที่

ขายๆ กัน ที่จตุจักรเนี่ย ราคา 10 บาทไปจนถึง 50-60 

บาท นี่ เป็นปลาทองสายพันธุ์ไหนครับ และถ้ามือใหม่จะ

หัดเลี้ยงนี่ สายพันธุ์ไหนน่าจะเหมาะครับ ^_^
หาเวลาอ่านกระทู้เก่าเลยครับ อยากรู้อะไร พิมพ์คำ ช่องsearchเอาเลยฮะ ความรู้ทังนั้นถ้าจะเริ่มเลี้ยงจริงๆ
หาเวลาอ่านกระทู้เก่าเลยครับ อยากรู้อะไร พิมพ์คำ ช่องsearchเอาเลยฮะ ความรู้ทังนั้นถ้าจะเริ่มเลี้ยงจริงๆ
ความคิดเห็น2
ตอบคำถามนะครับ
ปลาทุกสายพันธุ์มีทุกราคาแหละคับ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นฮอลันดา กับหัวสิงห์ทั่วๆไป..............ถ้าจะเริ่มเลี้ยงแนะนำว่าถ้าชอบวุ้นมัน ก็ฮอลันดา ถ้าไม่อยากมีวุ้นก็ริวกิ้น ผมว่า2พันธุ์นี่มันทนดีครับ แต่ขอบอกนะคับ จะเลี้ยงจิงไม่ใช่ว่าซื้อปลาที่ราคานะครับ ปลาถูกก็ไม่ห่วยเสมอไป ปลาแพงไม่สวยก็มี เอาที่เราชอบ แล้วสบายใจครับ
ความคิดเห็น3
ฮอลันดาพื้นๆครับ
ฮอลันดาพื้นๆครับ
ความคิดเห็น4
ริวกิ้นหลังจะโหนกๆ และไม่มีวุ้นที่หัวมันครับ
ริวกิ้นหลังจะโหนกๆ และไม่มีวุ้นที่หัวมันครับ
ความคิดเห็น5
ถ้าไม่มีครีบหลังเค้าเรียกหัวสิงห์ครับ
ถ้าไม่มีครีบหลังเค้าเรียกหัวสิงห์ครับ
ความคิดเห็น6
อย่างนี้เรียกลักเล่ครับ(ตัวนี้ปลาประกวด ไม่ใช่ของผมหรอก) ลักเล่ตามันจะโปนครับ
อย่างนี้เรียกลักเล่ครับ(ตัวนี้ปลาประกวด ไม่ใช่ของผมหรอก) ลักเล่ตามันจะโปนครับ
ความคิดเห็น7
อย่างนี้เป็นหัวสิงห์อีกพันธุ์ เค้าเรียกสิงห์ดำตามิด ที่ดีตาต้องมิด ดำสนิท มืดถึงท้อง
อย่างนี้เป็นหัวสิงห์อีกพันธุ์ เค้าเรียกสิงห์ดำตามิด ที่ดีตาต้องมิด ดำสนิท มืดถึงท้อง
ความคิดเห็น8
อารมณ์ดี อยากโพสรูปครับ ตัวนี้เรียกเกล็ดแก้ว เกล็ดมันจะเหมือนลูกกอล์ฟ เพิ่งเริ่มเลี้ยงไม่แนะนำครับ
อารมณ์ดี อยากโพสรูปครับ ตัวนี้เรียกเกล็ดแก้ว เกล็ดมันจะเหมือนลูกกอล์ฟ เพิ่งเริ่มเลี้ยงไม่แนะนำครับ
ความคิดเห็น9
อันนี้เค้าเรียก โตซากิ้น ตัวเป็นทรงหยดน้ำ หางม้วนมาทางหัว(ตัวนี้ก็ปลาคนอื่นคับ ขอโทษเจ้าของฮะ)
อันนี้เค้าเรียก โตซากิ้น ตัวเป็นทรงหยดน้ำ หางม้วนมาทางหัว(ตัวนี้ก็ปลาคนอื่นคับ ขอโทษเจ้าของฮะ)
ความคิดเห็น10
ตาลูกโป่ง เลี้ยงยาก เลี้ยงเก่งแล้วค่อยเลี้ยงฮะพันธุ์นี้
ตาลูกโป่ง เลี้ยงยาก เลี้ยงเก่งแล้วค่อยเลี้ยงฮะพันธุ์นี้
tana
ความคิดเห็น11
tana 122 แต้ม
^ ^ มีหลายสายพันธ์ครับ พวก ฮอรันดา สิงห์ต่างๆ ริวกิ้น แต่เป็นพวกเกรดลองๆ ลงมาแต่ก็สวยนะ
ความคิดเห็น12
ทอง [61.91.95.106]
ถ้ามือใหม่ผมแนะให้เลี้ยงพันธุ์ธรรมดาไม่ต้องมีวุ้น จะทน ดูแลง่าย เริ่มจากคู่เดียวก่อน ชำนาญแล้วค่อยเพิ่มทีหลังครับ ส่วนเรื่องวิธีเลี้ยงเพื่อนๆพี่ๆในนี้เก่งทุกคนให้ความเป็นกันเองดี....ทุกคำถามมีคำตอบ...
ความคิดเห็น13
JoieGirl25 [203.144.226.2422 แต้ม
แหม..ขยันจังเลยนะคะน้องPoon
ความคิดเห็น14
รันชูคับ สวยสุดๆ
แต่ผมก็ไม่มีปัญหาซื้อมาเลียงซํกตัว

อันนีรูปคนอื่นเช่นกัน
รันชูคับ สวยสุดๆ
แต่ผมก็ไม่มีปัญหาซื้อมาเลียงซํกตัว

อันนีรูปคนอื่นเช่นกัน
ความคิดเห็น15
ขอบคุณทุกคำตอบเลยครับผม ^_^ จะลองศึกษาข้อมูลดู

ก่อนเลี้ยงครับ ว่าแต่ว่าปลาทองเนี่ย น่ารักจนอดที่จะหามา

เลี้ยงไมได้เลยนะครับเนี่ย
ความคิดเห็น16
  [203.170.131.54]
ค.ห. 14 น่ารักจังค่ะ
ความคิดเห็น17
มี่ [203.170.129.227]
ออรันดา ริวกิ้น คิดว่าทุกพันธุ์นะคะ แต่ว่าเป็นปลาที่เค้าคัดแบบว่า ถ้าเป็ฯคนก็ขี้ริ้วน่ะคะ

แต่พี่ช๊อบชอบค่ะ เหมือนกับเค้านอนอยู่ในอ่างแบบรอเจ้านายใจดีจะพากลับไปดูแลที่บ้านน่ะค่ะ

พอโตขึ้นมาก็เป็นปลาทองอีกนั่นแหล่ะค่ะ เราเลี้ยงมาเราก็ว่าปลาเราสวยน่ะ แต่ห้ามส่งประกวดเชียว...
ความคิดเห็น18
10400 [10.21.3.185]
""""เหมือนกับเค้านอนอยู่ในอ่างแบบรอเจ้านายใจดีจะพากลับไปดูแลที่บ้านน่ะค่ะ

พอโตขึ้นมาก็เป็นปลาทองอีกนั่นแหล่ะค่ะ """""


ชอบประโยคนี้จังเลยครับ ^_^

วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

ภาพที่ 22  แสดงการใช้กะละมังเป็นบ่อเพาะปลาทอง
.
6.2 การเตรียมรัง   ปลาทองเป็นปลาที่มีไข่ประเภทไข่ติด พฤติกรรมการวางไข่นั้นปลาเพศผู้จะว่ายน้ำไล่ปลาเพศเมียไปเรื่อยๆ ปลาเพศเมียเมื่อพร้อมจะวางไข่จะว่ายน้ำเข้าหาพรรณไม้น้ำตามริมน้ำ แล้วปล่อยไข่ครั้งละ 10 - 20ฟอง ปลาเพศผู้ที่ว่ายน้ำตามมาก็จะปล่อยน้ำเชื้อตาม ไข่จะได้รับการผสมพร้อมกันนั้นก็เกิดสารเหนียวที่เปลือกไข่ทำให้ไข่เกาะติดอยู่ตามราก ลำต้น และใบของพรรณไม้น้ำ ดังนั้นการเตรียมรังในบ่อเพาะปลาทอง ควรเป็นรังที่ช่วยให้ไข่ติดได้ง่ายและมากที่สุด คือต้องมีลักษณะเป็นฝอยนิ่มและค่อนข้างยาว รังที่นิยมใช้ในปัจจุบันได้แก่รังที่ทำจากเชือกฟาง โดยนำเชือกฟางสีใดก็ได้มาผูกเป็นกระจุก(คล้ายกับพู่ที่เชียร์ลีดเดอร์ใช้มีความยาวประมาณ 20เซนติเมตร   แล้วฉีกให้เป็นฝอยโดยพยายามให้เป็นเส้นฝอยขนาดเล็กให้มากที่สุด จากนั้นนำไปจุ่มในน้ำเดือดเพื่อให้เกิดความนุ่ม แล้วทำกรอบไม้ (อาจใช้ท่อ เอสล่อน)ให้ลอยอยู่ผิวน้ำ ขนาดเล็กกว่าบ่อเพาะเล็กน้อยเพื่อให้กรอบลอยอยู่บนผิวน้ำในบ่อได้ดี นำรังมาผูกในกรอบไม้เพื่อให้รังลอยตัว และรังจะกระจายตัวกัน หากไม่ทำกรอบผูกรัง รังจะถูกแรงลมที่เกิดจากเครื่องแอร์ปั๊ม ทำให้รังลอยไปรวมเป็นกระจุกอยู่ริมบ่อ ปลาจะวางไข่ที่รังได้ยาก การทำให้รังกระจายตัวกัน ช่วยให้ปลาสามารถวางไข่โดยกระจายไข่ตามรังที่จัดไว้ทุกรังได้เป็นอย่างดี
.
ภาพที่ 23  แสดงลักษณะพู่ทำจากเชือกฟางและรากผักตบชวาที่นำมาใช้เป็นรังในบ่อเพาะปลาทอง
.
6.3 การเตรียมพ่อแม่พันธุ์  คือการเลี้ยงและคัดปลาที่พร้อมจะผสมพันธุ์จากปลาที่เลี้ยงไว้รวมกัน โดยจะต้องเน้นเป็นปลาที่มีไข่แก่และน้ำเชื้อดี การที่จะเลี้ยงปลาทองให้มีไข่แก่และน้ำเชื้อได้ดีนั้นเป็นเรื่องไม่ยาก จากที่ได้กล่าวไว้แล้วว่าการเลี้ยงปลาสวยงามเป็นการเลี้ยงปลาที่มีคุณภาพน้ำดีกว่าการเลี้ยงปลาแบบอื่นๆ เนื่องจากมีระบบกรองน้ำที่ดี ในสภาพน้ำที่ค่อนข้างดีปลาจะใช้อาหารที่ได้รับไปสำหรับการเจริญเติบโต ส่วนการพัฒนาของระบบสืบพันธุ์จะเป็นไปอย่างช้าๆ เมื่อใดที่คุณภาพน้ำเริ่มมีการสะสมของสิ่งหมักหมมต่างๆมากขึ้น ปลาที่สมบูรณ์เพศแล้วจะเริ่มมีการพัฒนาระบบสืบพันธุ์มากขึ้น เปรียบเทียบได้กับฤดูร้อนซึ่งน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติจะลดระดับลงเรื่อยๆน้ำจะมีการสะสมแร่ธาตุต่างๆมากขึ้น ปลาจะใช้อาหารที่ได้รับเพื่อการพัฒนาระบบสืบพันธุ์ เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อการแพร่พันธุ์ในฤดูฝนที่จะมาถึง ดังนั้นการเลี้ยงปลาทองเพื่อให้ปลามีไข่แก่และน้ำเชื้อดีแทบทุกตัวพร้อมกัน จึงต้องอาศัยการเลียนแบบธรรมชาติ ซึ่งวิธีที่สะดวกและง่ายที่สุด คือ การปรับปรุงระบบเครื่องกรองน้ำ โดยเปลี่ยนมาใช้เครื่องกรองน้ำแบบหม้อกรองในตู้ ซึ่งช่วยทำให้น้ำใสได้บ้างพอควรและเก็บตะกอนไว้ได้ด้วย ล้างหม้อกรองประมาณ 3 วัน ต่อครั้ง และงดการเปลี่ยนถ่ายน้ำในตู้ปลาหรือบ่อเลี้ยงปลาโดยเด็ดขาด หากจำเป็นต้องเติมน้ำเนื่องจากระดับน้ำลดลง ควรเติมในช่วงเช้า เพราะการเติมน้ำในตอนเย็นซึ่งอุณหภูมิเริ่มลดลง และปลาได้รับน้ำใหม่อาจมีผลกระตุ้นให้ปลาไข่แก่บางตัววางไข่ในเช้าวันถัดไปได้ พ่อแม่พันธุ์ปลาทองที่จะนำมาใช้เพาะพันธุ์ควรมีอายุประมาณ 10 เดือน นำมาเลี้ยงรวมกันเป็นเวลาประมาณ 30 - 50 วัน ปลาทองที่คัดมาเลี้ยงแทบทุกตัวจะมีไข่แก่และน้ำเชื้อสมบูรณ์เหมือนกันแทบทุกตัว ทำให้สะดวกที่จะคัดไปปล่อยลงบ่อเพาะ และควรคัดไปปล่อยเวลาประมาณ 16.00 .
                ข้อควรพิจารณาในการเตรียมพ่อแม่พันธุ์ปลาทอง ควรหลีกเลี่ยงปลาในครอกเดียวกันเพื่อป้องกันการผสมเลือดชิด
.
ภาพที่ 24  พ่อแม่พันธุ์ปลาทองในบ่อเลี้ยง  
.
6.4 จำนวนปลาและสัดส่วนเพศ  การปล่อยปลาลงบ่อเพาะแต่ละบ่อควรปล่อยปลาเพียงบ่อละ  1 คู่ หรือใช้ปลาเพศเมีย 1 ตัว กับปลาเพศผู้ 2 ตัว เนื่องจากการใช้ปลามากกว่า 1 คู่ นั้น ในขณะที่ปลาเพศเมียตัวที่พร้อมจะวางไข่ถูกปลาเพศผู้ว่ายน้ำไล่ไปนั้น จะถูกปลาตัวอื่นๆคอยรบกวนโดยว่ายน้ำติดตามกันไปหมดทุกตัว เพราะปลาเหล่านั้นต้องการตามไปกินไข่ของแม่ปลาที่จะปล่อยออกมา การปล่อยปลาหลายคู่จึงกลับกลายเป็นข้อเสีย ดังนั้นการปล่อยปลาเพียงบ่อละคู่จะทำให้ไข่มีอัตราการผสมค่อนข้างดี และได้จำนวนมาก  

 
ภาพที่ 25  ลักษณะของพ่อแม่ปลาทองที่คัดปล่อยลงบ่อเพาะ
.
6.5 การเพิ่มน้ำและลม  หากต้องการให้ปลาได้รับการกระตุ้นและเกิดการวางไข่อย่างแน่นอน ควรจะมีการให้ลมเพื่อให้น้ำเกิดการหมุนเวียนแรงพอสมควร นอกจากนั้นถ้าหากสามารถทำให้เกิดกระแสน้ำ หรือทำให้เกิดฝนเทียม ก็จะทำให้ปลาวางไข่ได้ง่ายขึ้น ฉนั้นบ่อเพาะที่ดีจะต้องมีระบบน้ำล้นที่ดีด้วย
6.6 การวางไข่ของปลา  ถ้าหากคัดปลาได้ดี คือ ปลามีไข่แก่และน้ำเชื้อดี ปลาจะผสมพันธุ์วางไข่ตอนรุ่งเช้าของวันถัดไป หากปลายังไม่วางไข่จะปล่อยพ่อแม่ปลาไว้อีก 1 คืน แต่ถ้าเช้าวันถัดไปปลาก็ยังไม่วางไข่  แสดงว่าผู้เพาะคัดปลาไม่ถูกต้อง คือปลาเพศเมียที่คัดมาเพาะมีรังไข่ยังไม่แก่จัดพอที่จะวางไข่ได้ จะต้องปล่อยพ่อแม่ปลาที่คัดมาเพาะกลับคืนลงบ่อเลี้ยง แต่ถ้าปลาวางไข่จะสังเกตได้ว่าน้ำในบ่อเพาะมีลักษณะเปลี่ยนแปลงไป โดยมักจะเกิดเมือกเป็นฟองตามผิวน้ำและรัง เมื่อพิจารณาที่รังจะเห็นว่ามีไข่ปลาทอง มีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆสีเหลืองอ่อนค่อนข้างใสเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 มิลลิเมตร ติดอยู่ตามเส้นเชือกภายในรัง เม็ดไข่ที่ดูใสนี้แสดงว่าเป็นไข่ที่ได้รับการผสมหรือไข่ดี และจะมีเม็ดไข่ที่สีขุ่นขาวซึ่งเป็นไข่ที่ไม่ได้รับการผสมหรือเป็นไข่เสีย
.
ภาพที่ 26  แสดงลักษณะไข่ปลาทองที่ติดอยู่ที่รากผักตบชวา      
                                                          ไข่ดีจะใส ส่วนไข่เสียจะสีขุ่นขาว
                เมื่อประสบผลสำเร็จในการเพาะปลาทองหรือสามารถทำให้ปลาทองวางไข่ได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการฟักไข่ ซึ่งอาจใช้บ่อเพาะเป็นบ่อฟักไข่ได้เลย โดยการช้อนเอาพ่อแม่ปลาออก จากนั้นเพิ่มระดับน้ำเป็น 30 - 40เซนติเมตร  เปิดแอร์ปั๊มเพื่อให้ออกซิเจนและเกิดการหมุนเวียนน้ำตลอดเวลา และถ้าสามารถเพิ่มน้ำใหม่ทำให้มีการระบายน้ำด้วย จะช่วยไล่ความคาวที่เกิดขึ้นระหว่างการพัฒนาของไข่ออกไปเรื่อยๆ จะทำให้ไข่ปลาทองฟักตัวได้ดีไม่ค่อยมีการติดเชื้อ แต่ต้องใส่ผ้ากรองกันไว้ที่ทางออกของท่อน้ำล้น  เพื่อกันลูกปลาที่ฟักตัวออกจากไข่ไม่ให้ไหลไปตามน้ำ  แม่ปลา 1 ตัวจะสามารถวางไข่ได้ครั้งละ  1,000 - 3,000 ฟอง ไข่จะใช้เวลาในการฟักตัวประมาณ 48 - 56 ชั่วโมง (2 - 3  วัน)  ลูกปลาที่ฟักตัวออกจากไข่แล้วมักจะเกาะอยู่ที่รัง  หรือว่ายน้ำออกไปเกาะอยู่ที่ผนังบ่อ  รอจนเช้าวันที่ 4 หลังจากที่ปลาวางไข่จึงค่อยๆเขย่ารังเพื่อไล่ลูกปลาออกจากรัง แล้วปลดรังออก
.
ภาพที่ 27  ลักษณะของลูกปลาทองที่ฟักออกจากไข่แต่ยังมีถุงอาหารอยู่  ยังไม่ว่ายน้ำจะเกาะอยู่ที่ผนัง 
                                                              
                บ่อที่จะใช้สำหรับอนุบาลลูกปลาทองควรเป็นบ่อซีเมนต์ ขนาด 4 - 10 ตารางเมตร มีความลึกประมาณ40 - 50 เซนติเมตร  เป็นบ่อที่สามารถถ่ายเทน้ำได้อย่างดี โดยเฉพาะถ้าสามารถปรับระบบน้ำไหลได้จะทำให้ลูกปลามีความแข็งแรงมาก เจริญเติบโตรวดเร็วและมีอัตรารอดดี เพราะการระบายน้ำจะช่วยระบายของเสียหรือสิ่งขับถ่ายของลูกปลาออกไปได้เป็นอย่างดี ดังนั้นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกปลาเติบโตเร็วก็คือ การระบายน้ำและการเปลี่ยนถ่ายน้ำเป็นประจำทุกวัน 
                การเลี้ยงลูกปลาทองหรือการอนุบาลจำเป็นต้องอาศัยสังเกตุเป็นหลัก การจะกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนกระทำได้ยาก เริ่มจากลูกปลาที่ฟักออกจากไข่ ในช่วงแรกจะมีถุงอาหาร (Yolk Sac) ติดอยู่ที่หน้าท้อง ลูกปลาจะยังไม่กินอาหาร สังเกตุได้จากการที่ลูกปลาจะเกาะอยู่ที่รังหรือผนังบ่อ เมื่อลูกปลาใช้อาหารจากถุงอาหารหมดแล้วลูกปลาจึงจะว่ายน้ำตามแนวระดับไปเรื่อยๆเพื่อหาอาหารกิน ควรดำเนินการให้อาหารดังนี้
8.1 ช่วงแรก   เนื่องจากปลาทองเป็นปลาที่กินอาหารได้แทบทุกชนิด จัดว่าเป็นปลาที่กินอาหารได้ง่าย จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อาหารที่มีชีวิตในการอนุบาลลูกปลาทอง การอนุบาลลูกปลาทองเลือกใช้อาหารได้ดังนี้
               ไข่ต้ม  ใช้ไข่ไก่หรือไข่เป็ดต้มสุก แล้วเอาเฉพาะไข่แดงไปขยี้น้ำผ่านผ้าไนล่อนหรือกระชอน จะได้น้ำไข่แดงเหมือนน้ำตะกอน นำไปสาดให้ปลากิน ควรใช้ไข่แดงเลี้ยงลูกปลาเป็นเวลา 3 วัน ลูกปลาจะเคยชินกับการกินอาหารและกินอาหารเก่ง ขนาดของลูกปลาก็จะโตขึ้นอย่างเด่นชัด
.
ภาพที่ 28  ลักษณะของลูกปลาทองที่ยังไม่ได้กินอาหาร (ซ้าย)
                                               กับที่ได้กินไข่ต้มแล้วที่ส่วนท้องจะมีสีขาว (ขวา)  
.
ภาพที่ 29  แสดงการใช้ไข่แดง
ขยี้ผ่านผ้าขาวบางเพื่อใช้เป็นอาหารเลี้ยงลูกปลาทอง  

.
                 อาหารผง ใช้อาหารผงอนุบาลลูกปลาดุก ใช้ให้ต่อจากการใช้ไข่ต้มได้เลย โดยในช่วงแรกควรให้โดยโปรยลงบนผิวน้ำ อาหารจะค่อยๆจมตัวลง เลี้ยงต่อไปอีกประมาณ 5 วัน  จากนั้นควรเปลี่ยนวิธีให้จากการโปรยอาหารลงผิวน้ำ เป็นนำอาหารผงมาคลุกน้ำพอหมาดๆ   อาหารพวกนี้จะมีคุณสมบัติในการปั้นก้อนได้ดี แล้วจึงนำไปให้ปลา ลูกปลาก็จะมาตอดกินอาหารได้เอง
                สำหรับในเรื่องของปริมาณอาหารที่จะให้ปลานั้น เนื่องจากลูกปลามีขนาดเล็กมากการกำหนดปริมาณอาหารเป็นจำนวนตายตัวนั้นค่อนข้างยาก เช่นการใช้ไข่แดง ปริมาณที่จะให้แต่ละมื้อจะใช้ประมาณเท่าเมล็ดถั่วแดงต่อลูกปลาที่เกิดจากแม่ปลา 1 แม่  ผู้เลี้ยงต้องอาศัยการสังเกตและการเอาใจใส่ค่อนข้างมาก การให้อาหารมากเกินไปจะทำให้น้ำเน่าเสีย ลูกปลาจะยิ่งเติบโตช้าและมักจะติดเชื้อเกิดโรคระบาดตายเกือบหมด แต่ถ้าน้อยเกินไปลูกปลาก็จะโตช้าและมักจะมีขนาดแตกต่างกันอย่างมาก โดยจะมีลูกปลาขนาดโตไม่กี่ตัว วิธีการกะปริมาณอาหารที่ดีคือ ผู้เลี้ยงจะต้องดูจากตัวลูกปลาภายหลังจากที่ให้อาหารไปแล้วประมาณ 15 - 20 นาที ใช้แก้วน้ำตักลูกปลาขึ้นมาดู ถ้าเป็นช่วงที่ให้ไข่แดงเป็นอาหาร จะเห็นว่าที่บริเวณท้องของลูกปลาจะมีสีขาว ถ้าเป็นอาหารผงท้องจะเป็นแนวดำดังนั้นถ้าเห็นว่าลูกปลาทุกตัวมีอาหารที่บริเวณท้องเป็นแนวยาวตลอด ก็แสดงว่าอาหารพอ แต่ถ้าเห็นว่าลูกปลาบางส่วนมีอาหารที่ท้องอยู่น้อยก็แสดงว่าอาหารไม่เพียงพอ ควรให้อาหารเพิ่มอีก
                หมายเหตุ ช่วงนี้ควรให้อาหารวันละ 3 ครั้ง  คือ เช้า กลางวัน และเย็น
8.2 ช่วงหลัง   ถึงแม้ลูกปลาจะกินอาหารผงได้ดี แต่อาหารผงก็มีข้อเสียที่มักมีการแตกตัวและกระจายตัวได้ง่ายซึ่งเป็นบ่อเกิดของน้ำเสีย ดังนั้นเมื่ออนุบาลลูกปลาในช่วงแรกด้วยไข่และอาหารผง เป็นเวลาประมาณ  15 วัน   ก็ควรจะเปลี่ยนมาเป็นอาหารเม็ดลอยน้ำโดยใช้อาหารเม็ดสำหรับเลี้ยงลูกปลาดุกเล็กระยะแรก ให้ลูกปลาได้เลยจะเห็นว่าอาหารจะลอยตัวอยู่ผิวน้ำ จากนั้นประมาณ 15 - 20 นาที อาหารจะพองขยายตัวขึ้นและนิ่ม ในวันแรกลูกปลาจะยังไม่เคยชินกับอาหารลอยน้ำ ฉนั้นให้ใช้นิ้วบีบอาหารที่ลอยอยู่บางส่วนให้จมตัวลง และมีอาหารลอยน้ำเหลืออยู่บ้าง ทำเช่นนี้ประมาณ  3 วัน ลูกปลาจะเคยชินกับการกินอาหารเม็ดลอยน้ำได้ดี     
            ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญ  คือ การทำความสะอาดบ่ออนุบาล โดยเฉพาะในการอนุบาลช่วงแรก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไข่แดงหรืออาหารผงให้เป็นอาหารลูกปลา ทั้งไข่แดงและอาหารผงจะเหลือตกตะกอนเป็นเมือกอยู่ที่พื้นก้นบ่อเป็นประจำทุกวัน ดังนั้นหลังจากให้อาหารเช้าแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง ควรทำความสะอาดผนังและพื้นก้นบ่อโดยใช้ฟองน้ำค่อยๆลูบไปตามผนังและพื้นก้นบ่อให้ทั่ว ถ้าเป็นบ่อที่มีระบบกรองที่ดี ตะกอนเมือกที่ถูกขัดออกมาก็จะถูกขจัดออกได้โดยง่าย  
.
ภาพที่ 30  แสดงลักษณะบ่อดินขนาด 400- 500 ตารางเมตร ที่ใช้อนุบาลลูกปลาทอง
                                                                                                                               
                    เป็นการเลี้ยงเพื่อให้ปลาทองมีขนาดใหญ่เหมาะสมที่จะส่งตลาดต่อไป บ่อเลี้ยงปลาทองควรเป็นบ่อซีเมนต์ มีขนาด 2 - 4 ตารางเมตร และควรมีจำนวนหลายบ่อ หากต้องการให้ ปลาเจริญเติบโตเร็วจะต้องจำกัดจำนวนปลาที่ปล่อยเลี้ยง โดยปล่อยในอัตรา 50 ตัวต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร ควรทยอยคัดปลาจากบ่ออนุบาลมาปล่อยลงบ่อเลี้ยง จากนั้นเลี้ยงด้วยอาหารเม็ดประมาณ 40 - 60 วันปลาจะเติบโตจนสามารถส่งจำหน่ายได้ เมื่อส่งปลาออกจำหน่ายแล้วก็ทยอยคัดปลาจากบ่ออนุบาลมาปล่อยเลี้ยงอีกต่อไป สำหรับลูกปลาที่เหลืออยู่ในบ่ออนุบาลซึ่งมีเป็นจำนวนมาก ถึงแม้จะมีการให้อาหารดีและมีการถ่ายน้ำสม่ำเสมอ ลูกปลาก็จะเจริญเติบโตขึ้นไม่มากนักเนื่องจากจำนวนปลาเป็นข้อจำกัด แต่เมื่อถูกกระจายออกไปยังบ่อเลี้ยงก็จะสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้
            ปัจจุบันมีการอนุบาลและเลี้ยงปลาทองในบ่อดิน  โดยใช้บ่อขนาด 100 - 200 ตารางเมตร
.
ตัวอย่างฟาร์ปลาทองที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี มีบ่อซิเมนต์ 487 บ่อ ในพื้นที่ 2 ไร่
ปลาสิงห์ญี่ปุ่นเกรดเอ รอจำหน่ายอุปกรณ์ในการล้างบ่อ
เติมด่างทับทิมฆ่าเชื้อป้องกันโรคบ่อดินสำหรับอนุบาลลูกปลา
 ภาพที่ 31  ฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาทองที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
.
 ภาพที่ 32  ฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาทองในประเทศจีน มีการจัดทัวร์ชมฟาร์ม 
                                           ที่มา : Vermilliongoldfishclub.com (2006)                          
 . 
 
 ภาพที่ 33  ฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาทอง( Siamaquarium )ในประเทศไทย 
                                             ที่มา : Siamaquarium.com (2010)                 
                                                                                                                        
10 ชนิดปลาที่ดำเนินการเพาะพันธุ์เช่นเดียวกับปลาทอง   
                        มีปลาสวยงามที่สำคัญอีกชนิดหนึ่ง ที่สามารถดำเนินการเพาะพันธุ์และการอนุบาลลูกปลาได้เช่นเดียวกับปลาทอง ปลาสวยงามดังกล่าวคือ ปลาคาร์พ  หรือ ปลาแฟนซีคาร์พ ซึ่งเป็นปลาที่มีการจัดลำดับชั้นอยู่ในวงศ์เดียวกันกับปลาทอง และมีต้นตระกูลคล้ายกันมาก การจัดการบ่อเพาะ การเตรียมรัง การคัดเพศ และการจัดสัดส่วนเพศในการเพาะพันธุ์ปลาคาร์พ กระทำคล้ายคลึงกับการเพาะปลาทอง ต่างกันตรงที่บ่อเพาะปลาคาร์พจะมีขนาดใหญ่กว่าบ่อเพาะปลาทองค่อนข้างมาก เนื่องจากพ่อแม่พันธุ์ปลาคาร์พจะมีขนาดใหญ่กว่าปลาทองมาก และการผสมพันธุ์แต่ละครั้งแม่ปลาคาร์พ 1 ตัวจะให้ไข่เป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ 20,000 - 50,000 ฟอง การใช้บ่อเพาะที่มีขนาดเล็กเกินไป จะทำให้ไข่มีการผสมต่ำเพราะความคาวที่เกิดขึ้น ขนาดของบ่อเพาะที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 6 - 12ตารางเมตร สำหรับการแยกเพศของปลาคาร์พนั้นก็อาศัยความแตกต่างของตุ่มสิวเช่นกัน ซึ่งตุ่มสิวของปลาคาร์พเพศผู้จะมีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถสังเกตุเห็นได้ด้วยตาเปล่าเหมือนกับของปลาทองเพศผู้ จะต้องใช้มือลูบสัมผัสที่บริเวณครีบหู ซึ่งจะรู้สึกถึงความสากของตุ่มสิวที่มีได้อย่างชัดเจน คือที่ครีบหูของปลาคาร์พเพศผู้จะมีความสากเนื่องจากตุ่มสิวที่มีอย่างชัดเจน ส่วนครีบหูของปลาคาร์พเพศเมียจะลื่นมือเนื่องจากไม่มีตุ่มสิวเกิดขึ้น โดยเฉพาะปลาคาร์พเพศผู้ที่มีความพร้อมในการผสมพันธุ์ ถ้าลองรีดที่บริเวณท้องเพียงเบาๆก็จะมีน้ำเชื้อสีขาวขุ่นไหลออกมาง่ายดายกว่าในปลาทองมาก นอกจากนั้นปลาคาร์พเพศเมียที่มีรังไข่สมบูรณ์จะสามารถสังเกตุจากการขยายตัวของส่วนท้องได้ชัดเจน ส่วนท้องจะค่อนข้างนิ่มและช่องเพศจะมีการขยายตัวนูนออกอย่างเด่นชัด ส่วนการจัดการด้านอื่นๆตลอดจนการอนุบาลลูกปลาช่วงแรก จะดำเนินการเช่นเดียวกับการอนุบาลลูกปลาทอง แต่เมื่ออนุบาลลูกปลาช่วงแรกเป็นเวลาประมาณ 5 - 10 วันแล้ว ควรปล่อยลูกปลาลงบ่อดินขนาด 200 -600 ตารางเมตร หรืออนุบาลในบ่อซีเมนต์ขนาดใหญ่ ประมาณ 40 - 50 ตารางเมตร เนื่องจากลูกปลามีปริมาณมาก จึงจะทำให้ลูกปลาเจริญเติบโตดี
.
โชว่า โตไซซันเก้ โตไซตันโจ ซันเก้ โตไซซันเก้ โตไซโชว่า
ภาพที่ 34  แสดงลักษณะปลาแฟนซีคาร์พสายพันธุ์ต่างๆ
                                                   ที่มา : Koitoday.com (2005)  
.
 ภาพที่ 35  ฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาคาร์พในประเทศไทย 
                                                       ที่มา : Puk (2011)